เกาะสเม็ด

ปาย

อุทยานแห่งชาติตาดโตน

วันพุธที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2553

ชุดประจำชาติ เวียดนาม






ชุดประจำชาติเวียดนาม หรือ ชุด Ao dai นี้ (อ่านว่า อาว หญ่าย) นอกจากจะนิยมใช้กันในเมืองใหญ่ ๆ แล้ว ตามชนบทก็เป็นที่นิยมด้วย เนื่องจากเป็นชุดที่ใส่แล้วสบาย เพราะเนื้อผ้า ค่อนข้างละเอียด

ชุด Ao Dai ในปัจจุบันที่เห็นกันอยู่นั้น มักมีการดัดแปลงไปตามสมัยนิยม ซึ่งต่างจากอดีตมากทีละเล็กทีละน้อยที่ชาวเวียดนามประยุกต์เอาแฟชั่นตามสมัยนิยมให้เข้ากับวัฒนธรรมการแต่งกายของตน ได้มีชาวเวียดนามคนหนึ่ง ชือ Tram Kim ได้นำชุดนี้เข้าไปตัดเย็บในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของ การนำแฟชั่นเข้ามาสู่ชุดAo Dai นี้

เขาได้ย้าย ไปที่ แคลิฟอเนีย ประมาณ ปี 1982 และเปิดร้านตัดเย็บเสื้อผ้าที่นั่น จนมีชื่อเสียง และคนทั่วไปรู้จักเขาใน เวียดนาม ว่า Mr.Ao Dai เมื่อชุด Ao Dai เป็นที่นิยมแล้วก็ได้มีการจัดการประกวดมิสAo Dai ด้วย ในหาดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งที่เมืองแคลิฟอเนีย เป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดผู้คนมาจากทั่วทุกสารทิศให้มาร่วมงาน
นี้ เพื่อที่จะได้ยลโฉม สาวในชุด Ao Dai

ชุด Ao Dai นี้ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบเสื่อผ้ามืออาชีพหลายคน หันมาสนใจอย่างจริงจัง และหลายครั้งก็ได้นำแนวความคิดของชุดนี้ มาตัดเย็บในเสื่อผ้าของชาวยุโรป และนำไปโชว์ในงานแฟชั่นตามที่ต่างๆ โดย เฉพาะที่ ปารีส ฯลฯ

ปัจจุบันได้มีช่างตัดเย็บเสื้อผ้ามากมาย ที่ได้รับงานตัดชุดจากลูกค้าต่างประเทศ ซึ่งชุดหนึ่งก็ประมาณ 2 พัน บาท ของไทย แต่ชุดนี้ จะต้องวัดตัวลูกค้าอย่างละเอียด เพื่อที่จะได้ชุดที่ออกมาพอดี สวยงาม การที่ผู้คนนิยมก็อาจเป็นเพราะว่าชุดนี้ใส่สบาย และดูสวยงาม สาวเวียดนามบางคนเลือกมาเป็นแฟชั่นประจำตัวเลยทีเดียว


ความประทับใจหนึ่งที่ผู้มาเยือนประเทศเวียดนามไม่เคยลืมเลย นั่นก็คือ ความสวยงามของหญิงสาวในชุด ประจำชาติของเวียดนาม หรือ ที่เรียกว่าชุด อ่าว หญ่าย
หญิงสาวชาวเวียดนามจะสวมชุด อ่าว หญ่าย สีสันต่าง ๆ เดินไปเที่ยวนอกบ้านบ้าง ไปตามถนนสาธารณะ หรือ อาจจะเป็นที่สำนักงาน ซึ่งถือว่าเป็นชุดที่ดูสุภาพ และสวยงาม บางครั้ง อาจจะเห็น สาวเวียดนามสวมชุดนี้ ไปโรงเรียน ซึ่งก็ถือว่าเป็นชุดนักเรียนของพวกเธอด้วย เด็กสาวชาวเวียดนามในชั้นมัธยม ทางรัฐบาลจะให้สวมชุด อ่าวหญ่าย สีขาว หรือ สีอื่น ๆ บ้าง เป็นเครื่องแบบประจำของพวกเธอ
ส่วนคนที่ดูมีอายุหน่อยก็มักจะใส่ชุดอ่าว หญ่ายนี้ โดยเลือกที่จะใส่ชุดสีเข้ม ๆ มีเนื้อผ้าที่มีราคา เช่น ผ้าสีดำ หรือ สีน้ำเงินเข้มบ้าง ซึ่งบางบริษัทก็เลือกที่จะสวมชุดอ่าวหญ่ายนี้เป็นชุดประจำบริษัทเลยทีเดียว

"อ่าว ซ่าย " แปลว่า "ชุด ยาว" ซึ่งสำเนียงนี้เป็นสำเนียงของภาคเหนือ ส่วนภาคใต้จะออกเสียง ว่า "อ่าว หญ่าย" ซึ่งส่วนมากแล้วในอดีตคนในภาคเหนือของประเทศเวียดนามจะนิยมใส่มากกว่าภาคใต้
แต่หลังจากสิ้นสุดสงครามเวียดนามในปี 1975 แล้ว ชุดนี้ก็เป็นที่นิยม สามารถพบเห็นได้แทบจะทุกภาคของประเทศ และได้รับความนิยมมาก


















วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

เที่ยว...เวียดนาม


"ไซง่อน" เป็นคำที่ชาวเวียดนามตอนใต้ใช้กล่าวขานกันมานมนาน ถึงแม้การรวมเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้เป็นผลสำเร็จแล้วโดยปฏิภาณความสามารถของท่านโฮจิมินห์ แต่หากเป็นชาวเวียดนามตอนเหนือแล้ว พวกเขาจะเรียกชื่อเมืองนี้ว่า "เมืองโฮจิมินห์" เพื่อเป็นเกียรติแด่วีรบุรุษของพวกเขา และเป็นชื่อเมืองหลวงแห่งใหม่ในช่วงเวลานั้น
ส่วนที่มาของชื่อเมืองไซ่ง่อน ตามภาษาเวียดนามนั้นแปลว่า "นุ่น" นุ่นที่ใช้ยัดหมอนนี่แหละ ในสมัยก่อนคงมีต้นนุ่นเยอะ แต่ปัจจุบันนั้นมากมายด้วยตึกรามใหญ่โต สิ่งปลูกสร้างมากมาย ความทันสมัยหลากหลาย ทั้งนี้ก็คงเป็นผลพวงมาจากการที่เคยเป็นเมืองหลวงของประเทศมาก่อนที่จะย้ายสับเปลี่ยนไปอยู่ที่กรุงฮานอย (Ha Noi) ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของประเทศในปัจจุบัน



โบสถ์นอร์ทเธอดาม (Notre Dame Cathedral)

โบสถ์นอร์ทเธอดาม นอกจากแสงไฟฟ้าโดยรอบ ที่สาดส่องสีเหลืองนวลมายังลานกว้างแล้ว เปลวไฟที่ปลายเทียนยังพริ้วไสวเรียงรายรอบรูปปั้นองค์พระแม่มารี ที่ยืนสูงใหญ่ในท่าทางสงบเยือกเย็นตั้งเด่นอยู่หน้าโบสถ์นอร์ทเธอดาม (Notre Dame Cathedral) โบสถ์แห่งนี้ได้รับการยกย่องว่ามีความสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในเวียดนาม ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากมาย โครงสร้างของตัวโบสถ์เป็น สถาปัตยกรรมในสมัยอาณานิคม ส่วนปลายยอดมีหอคอยคู่สี่เหลี่ยมอยู่บน รวมความสูงจากฐานล่างประมาณสูง 40 ม. ถือเป็นเอกลักษณ์ที่งดงาม
โบสถ์นอร์ทเธอดามแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองบนถนน Han Thuyen ก่อสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2420 ใช้ระยะเวลาการสร้าง 6 ปี และสิ่งที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของสถานที่แห่งนี้คือ ไม่มีการประดับด้วยกระจกสีเหมือนโบสถ์คริสต์แห่งอื่นๆ เพราะได้รับความเสียหายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ปัจจุบันนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาชมกันมาก เพราะเป็นเสมือนสัญลักษณ์ร่วม อันหมายถึงการเข้ามาของชาติตะวันตก และเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของเมืองโฮจิมินห์
เมื่อยืนเงยหน้ามองพระแม่มารี แล้วมองถัดไปถึงยอดหอคอยคู่ของโบสถ์นอร์ทเธอดามที่อยู่ด้านหลัง ได้เห็นถึงความสวยงามอันเกิดขึ้นจากความศรัทธาของผู้คนในสมัยนั้น แม้จะเป็นห้วงเวลาวิกฤติกาลแห่งรอยต่อ แต่ความเชื่อถือและพลังศรัทธา ก็ยังสามารถทำให้เกิดสุดยอดผลงานน่าอัศจรรย์ได้ เปรียบประดุจชีวิตปุถุชนทุกวันนี้ที่วุ่นวายสับสน แก่งแย่งชิงเด่น พยามเหยียบย่ำทำลายกัน เพียงเพื่อตัวเองและพรรคพวกได้เป็นใหญ่ มุ่งหวังแต่กอบโกยทรัพย์ ยศ ตำแหน่ง กามโลกีย์ มาเป็นของตัว แต่หาได้เกิดจากความสามารถที่ถูกต้องไม่....อนิจจา โบสถ์นอร์ทเธอดามและพระแม่มารี ทำให้ผมคิดได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ

ไปรษณีย์กลางโฮจิมินห์ (Main Post Office)

ตั้งอยู่ ใกล้ๆ กับโบสถ์นอร์ทเธอดาม ถ้าหันหน้าเข้าหาโบสถ์ไปรษณีย์กลางจะอยู่ทางขวามือ ที่แห่งนี้ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2439 มีการออกแบบและก่อสร้างในสไตล์ฝรั่งเศส ตกแต่งอย่างงดงามด้วยกระจกสี และแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2444 เป็นที่ทำการไปรษณีย์ที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนาม มีความยิ่งใหญ่โอ่โถงสวยงาม ถึงกับทำให้นักออกแบบสถาปัตยกรรมมากมาย ต้องมาศึกษามาชมการออกแบบตกแต่งอาคารแห่งนี้ ส่วนภายในตัวอาคารมีการประดับด้วยภาพแผนที่ทางทะเลโบราณ และภาพของท่านโฮจิมินห์ ไว้มากมายหลายภาพ
ไปรษณีย์กลางโฮจิมินห์ ในยามค่ำคืนกลาย เป็นจุดนัดพบของวัยรุ่นชาวเวียตนาม
ทุกวันนี้ไปรษณีย์กลางโฮจิมินห์ ยังเปิดให้บริการทั้งการส่งจดหมาย ขายแสตมป์เพื่อการสะสม หรือนักท่องเที่ยวจะส่งโปสการ์ด หรือโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ก็สามารถมาใช้บริการได้ในอัตราค่าบริการมาตรฐานทั่วไป แถมมีร้านขายของที่ระลึกอีกด้วย
น่าไปชมคะ นานทีได้ชมสถานที่เก่าๆ ที่มีประวัติความเป็นมา ได้ยืนนิ่งกวาดตาไปรอบๆ ก็เริ่มเห็นฝรั่งมังค่า แต่งชุดทหารเดินกันขลุกขลักขวักไขว่ เห็นชาวเวียดนามเดินใส่งหมวกน๊อบลาหลายคน ส่วนสาวๆ ก็ใส่ชุดอ๋าวหญ่ายพริ้วไสว เดินถือซองจดหมายขึ้นลงที่ทำการไปรษณีย์...และแล้วผมก็ตื่นจากภวังค์เป็นครั้งที่สอง พลันนึกได้ว่า คงต้องมาใหม่ในช่วงกลางวัน เพราะกลางคืนอย่างนี้เขาปิดให้บริการ
บรรยากาศในช่วงค่ำตอนนี้ ทำให้ได้เพลิดเพลินกับแสงไฟเหลืองนวล หนุ่มสาวชาวเวียดนามจะใช้เวลานี้ของวันมาพบปะกันในที่สาธารณะทั่วไป บริเวณหน้าโบสถ์นอร์ธเธอดาม และหน้าไปรษณีย์กลางโฮจิมินห์ ก็ถือเป็นที่สาธารณะ ซึ่งมีพื้นที่ด้านหน้าเป็นบริเวณกว้าง จึงมีกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาวมาจอดมอเตอร์ไซต์คู่ชีพนับร้อยๆ คัน นั่งคุยกัน หญิงสาวเหล่านั้นล้วนผิวขาวบอบบาง ส่วนใหญ่พวกเธอชอบนุ่งกางเกงขาสั้นเหมือนวัยรุ่นสาวบ้านเรา แต่เธอไม่ชอบแต่งหน้ากันมากนัก
วิถีชีวิตของวัยรุ่นหนุ่มสาวชาวเวียดนามดูเรียบง่าย พวกเขาไม่นิยมแต่งรถให้มีรูปร่างหรือเสียงที่ผิดแผกแตกต่างไปจากรูปแบบเดิม คือ ซื้อมาอย่างไรก็ขับกันไปอย่างนั้น นึกแล้วก็คิดถึงวัยรุ่นบ้านเรา ที่มีความสามารถมากกว่าวิศวกร เพราะรถที่ออกมาจากศูนย์ ผ่านการทดสอบมามากมายก่อนการขาย ก็ยังไม่ดีหรือได้มาตรฐานเท่า ต้องมาแต่งเติม ถอดออก จึงจะเรียกได้ว่า นี่คือสุดยอดพาหนะ ที่ผ่านกระบวนการความคิดสร้างสรรค์ของฉัน...น่าเห็นใจ

จัตุรัสโฮจิมินห์ (Tran Nguyen Hai Statue)
ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองไม่ไกลจากสองสถานที่ข้างต้นมากนัก จัตุรัสโฮจิมินห์นี้จะมีรูปปั้นของท่านโฮจิมินห์นั่งอยู่กับกับเด็กๆ ในบรรยากาศอบอุ่น เบื้องหลังเป็นศาลาว่าการเมือง ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงามในสไตล์ฝรั่งเศส หากมองจากจุดนี้สามารถมองให้เห็นถึงความจอแจของเมืองใหญ่ เนื่องจากที่นี่เป็นศูนย์กลางของเมือง และยังเป็นศูนย์กลางของการค้าขายด้วย
ตลาดบินถั่น (Ben Thanh Market)

พูดถึงการค้าขาย หรือ หากนักท่องเที่ยวที่เป็นนักช๊อปแล้ว จะต้องไปเยือน ตลาดบินถั่น ตั้งอยู่ริมถนนเลเลย (Le Loi) ใกล้ๆ กับจัตุรัสโฮจิมินห์ นี้แหละ ตลาดแห่งนี้ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2457 บนพื้นที่ประมาณ 1 ตร.กม. ด้านหน้ามีหอนาฬิกาเป็นจุดสังเกตุ ตลาดบินถั่นได้รับความนิยมอย่างมาก ทั้งจากชาวเวียดนามและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เพราะมีสินค้าจำหน่ายมากมาย ราคาไม่แพง สามารถต่อรองได้ อาทิ เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทาง ของที่ระลึก นาฬิกา อาหาร ซึ่งล้วนแต่ราคาไม่แพง อย่าลืมครับหากมาเที่ยวเมืองไซ่ง่อน หรือเมืองโฮจิมินห์แห่งนี้ ต้องมาที่ตลาดบินถั่นด้วย แล้วท่านจะได้สินค้ากลับไปแบบคาดไม่ถึง

พระราชวังเว้

คืออดีต...อันงดงาม

อดีตนครจักรพรรดิหรือเว้ เป็นอาณาจักรที่จักรพรรดิยาลอง
องค์ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์เหวียนเป็นผู้สถาปนาขึ้น

แต่เดิมนั้น...เว้เป็นเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่ใจกลางของประเทศเวียดนาม
ต่อมา...ได้เกิดความขัดแย้งและสงครามระหว่างดินแดนทางตอนเหนือและตอนใต้
พี่น้องตระกูลเตยเซินได้ก่อกบฏขึ้นและยึดเวียดนามไว้ได้ทั้งหมด
เหวียนฉวางซึ่งเป็นผู้ปกครองเวียดนามใต้อยู่ในขณะนั้นได้ลี้ภัยมาพึ่ง
พระบรมโพธิสมภารในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกนานถึง 4 ปี
แล้วกลับมาปราบกบฏพี่น้องเตยซินลงได้ในปี พ.ศ. 2345
และรวบรวมดินแดนทางตอนเหนือและตอนใต้เข้าไว้ด้วยกัน
และเรียกชื่อดินแดนแห่งนี้เสียใหม่ว่า "เวียดนาม”
พร้อมกับสถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิยาลองแห่งราชวงศ์เหวียน
และสถาปนาเมืองเว้ซึ่งเป็นราชธานี...
















พระเจ้ายาลองปกครองเวียดนามได้ 33 ปี ฝรั่งเศสก็บุกเข้าโจมตีเมืองเว้ จักรพรรดิหลายพระองค์ได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นครองบัลลังก์ในช่วงสั้นๆ

เมืองเว้ถูกยึดครองโดยญี่ปุ่นในมหาสงครามเอเชียบูรพาเมื่อปี พ.ศ. 2488 และในสิงหาคมปีเดียวกันนี้เองที่พระเจ้าเบ๋าได่ได้สละราชสมบัติเป็นอันสิ้นสุดราชวงศ์เหวียน
เมืองเว้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเวียดนามใต้ตามการแบ่งประเทศออกเป็น 2ส่วน และได้เสื่อมสลายลงภายใต้การปกครองของรัฐบาลโงดิงห์เดียม
นครแห่งจักรพรรดิต้องประสบกับความเสียหายอย่างหนัก ระหว่างการบุกเข้าโจมตีของเวียดกงในปี พ.ศ. 2511

แม้ว่าเมืองเว้จะได้รับความเสียหายจากพิษภัยของสงคราม แต่ก็ยังคงหลงเหลือร่องรอยแห่งความเจริญรุ่งเรืองของนครจักรพรรดิอยู่อีกไม่น้อยเช่นกัน แต่ละแห่งล้วนมีเรื่องราวและรอยอดีตมากมายให้นักเดินทางอย่างเราได้ค้นหา...
ความสวยงามของพระราชวังโบราณแห่งนี้เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งอดีตกาล ถ้าเราย้อนเวลากลับไปได้...เราคงได้เห็นชีวิตที่สวยงามแห่งราชสำนัก เราคงได้เห็นชีวิต...ที่มีทั้งสุขและเศร้าของเหล่าสนมและนางใน
พระราชวังแห่งนี้...ถูกขนานนามว่าเป็น “พระราชวังต้องห้าม”
ที่ในอดีตนั้น...สามัญชนอย่างเรามิอาจเฉียดกราย...เข้าไปใกล้ชิด

อดีตอาจจะ...พาบางสิ่งไปจากเรา

แต่อดีต...ก็ให้บางสิ่งบางอย่างกับเราเช่นกัน

มนต์เสน่ห์ของพระราชวังโบราณแห่งนี้... มิได้สูญหายไปพร้อมกับกาลเวลา

ยังหลงเหลือร่องรอยแห่งความงดงามในอดีต ไว้ให้เราได้บันทึกและจดจำ

ในวันที่มีโอกาส...ได้มาเยือน

อาหารเวียดนาม

อาหารเวียดนามขึ้นชื่อว่าเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพราะอุดมไปด้วยผัก อาหารเวียดนามหลายอย่างทำได้ไม่ยาก สามารถทำเองได้ที่บ้าน อย่างเช่น “ปอเปี๊ยะสดเวียดนาม” ที่เรานำสูตรมาฝากกัน ทั้งง่ายและดีต่อสุขภาพ เป็นอาหารจานหนึ่งที่คุณพลาดไม่ได้
สูตรอาหาร : ปอเปี๊ยะสด เวียดนาม



เมนูสุดอร่อยวันนี้ขอเสนอ ปอเปี๊ยะสด เวียดนาม สำหรับผู้รักสุขภาพทุกท่านรับรองว่าอาหารสุดพิเศษนี้จะช่วยท่านได้อย่างแน่นอน เพราะปอเปี๊ยะสดเวียดนาม ทำง่ายและอร่อยมากๆ

ส่วนผสมสำหรับหมูหมัก

1. เนื้อหมูสันนอก 3 ขีด หรืออาจจะใช้หมูยอแทนก็ได้2. ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ3. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ4. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ส่วนผสมสำหรับปอเปี๊ยะสด1. ใบเมี่ยงเวียดนาม สำหรับห่อเป็นปอเปี๊ยะสด2. ใบโหระพา3. ใบสะระแหน4. ผักกาดหอม5. ผักชีฝรั่ง6. แครอทซอยเป็นเส้น
ส่วนผสมน้ำจิ้ม
1. น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วย2. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย3. เกลือ 1 ช้อนชา4. พริกชี้ฟ้าแดง 1 ช้อนโต๊ะ5. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ6. หัวผักกาด ขูดฝอยเป็นเส้น 1/4 ถ้วย7. แครอท ขูดฝอยเป็นเส้น 1/4 ถ้วย
วิธีทำปอเปี๊ยะสดแล่เนื้อหมูเป็นชิ้นบางๆ ตามขวางของเนื้อหมู
หมักเนื้อหมูด้วย ซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย คลุ๊กให้เขากัน แล้วทิ้งไว้ในตู้เย้น 1 ชั่วโมง
เตรียมใบเมี่ยง โดยนำใบเมี่ยงมาพรมน้ำเล็กน้อย เพื่อให้ใบเมี่ยงนิ่ม
นำเนื้อหมูที่หมักไว้มาย่างกับเตาย่าง หรือกระทะ พอสุก หั่นเป็นชิ้นยาวๆ
นำใบเมี่ยงมาห่อ โดยนำผักกาดหอมวางก่อน ตามด้วยใบโหระพา ใบสาระแหน ผักชีฝรั่ง แครอทซอย และหมูย่าง ห่อให้เน่นๆ
วิธีทำน้ำจิ้ม
น้ำพริกชี้ฟ้าแดง กระเทียมโขลกให้ละเอียด
ใส่หัวผักาดขูดฝอย แครอทขูดฝอยใส่ ตามด้วย น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ และพริกกระเทียมที่โขลก
ตั้งเตาเคี่ยวเป็นเวลา 10 นาที เทใส่ถ้วย
เป็นอันเสร็จสิ้นแล้วสำหรับเมนูปอเปี๊ยะสดเวียดนาม สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักรับรองว่าเมนูนี้จะช่วยให้สุขภาพของท่านดีอย่างแน่นอน




















"Bánh mì"

อ่านว่า "บั๊น หมี่" ขอแปลว่า "แฮมเบอร์เก้อเวียตนาม"

เป็นอาหารพื้นพื้นที่หากินได้ง่าย และราคาถูก สาระพัดที่จะเลือกใส่ ไม่ว่าจะเป็นหมูยอ,เนื้อหมู,เนื้อวัว หรือปลากระป๋อง ใส่หอมหัวใหญ่ มะเขือเทศ เนย(=เบอ) ซีอิ้ว พริกน้ำส้ม เลือกราคาก็ได้ ตั้งแต่ ประมาณ 7 บาทขึ้นไป นิยมกันในหมู่คนรายได้น้อย เก็บกินได้นาน ขนมปังจะแข็งโป๊กเลยเป็น fast food กินตอนเช้าตอนทำมาร้อนๆจะอร่อยมากจะเรียกว่าแฮมเบอร์เก้อเวียตนาม ก็ว่าได้ คนขายจะปั่นจักรยานตอนเช้าและมีคำร้องๆที่ ผมเคยได้ยิน ว่า"บั๊น หมี่ ไซ่ก่อน หมกแหง่ง หมก อ๋อ บั๊น หมี่ ไซ่ก่อน ดัก หรวด เทิม เบอ" ความหมาย คงประมาณว่าราคาถูก กินแล้วอิ่มท้อง

สูตรอาหาร : ขนมเบื้องญวน





ตามมาติดๆ ด้วยสูตรการทำขนมเบื้องญวน แบบกรอบนอกนุ่มในจร้า
ส่วนผสม
ส่วนผสมแป้งขนมเบื้องญวน
1.แป้งข้าวเหนียว 3 ช้อนโต๊ะ
2.แป้งมัน 1 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
4.เกลือ 1/2 ช้อนชา
5.ผงขมิ้น 1/2 ช้อนชา
6.น้ำสุกเล็กน้อย
ส่วนผสมไส้ขนม
1.หมูสับ 200 กรัม
2.ต้นหอม 2 ต้น
3.ขมิ้น 1 ช้อนชา
4.พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
5.น้ำกะทิ 5 ช้อนชา
6.เกลือ 1/2 ช้อนชา
7.น้ำตาลทรายเล็กน้อย
วิธีทำ
นำส่วนผสมของแป้งขนมเบื้องญวนมาตีรวมกัน แล้วทอดเป็นแผ่นบางๆ ในกระทะแบน นำเครื่องปรุงไส้ที่ผัดจนแห้งเข้ากันแล้วใส่ลงตรงกลางแผ่นแป้ง
ตามด้วยถั่วงอกและกุ้งลวกตามชอบ จากนั้นพับครึ่งแผ่นแป้ง แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10–15 นาที เสร็จแล้วตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับน้ำอาจาดรสเปรี้ยวหวาน
สูตรอาหาร : กุ้งพันตะไคร้

ตามมาอีกหนึ่งเมนูอาหารเวียดนามครับ วันนี้เป็นสูตรการทำกุ้งพันตะไคร้แบบกลมกล่อมหอมกรุ่น
ส่วนผสม
1.เนื้อกุ้งแกะ 200 กรัม
2.มันหมู 25 กรัม
3.เนื้อปลาขูด 150 กรัม
4.ไข่ไก่ 1 ฟอง
5.พริกไทย 1 ช้อนชา
6.น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
7.กระเทียมสับ 20 กรัม
8.ตะไคร้ตำอย่างละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
9.น้ำตาลไอซิ่ง 1 ช้อนโต๊ะ
10.เกลือ 1/2 ช้อนชา
11.ต้นตะไคร้ 5–8 ต้น
12.น้ำมันสำหรับทอด
วิธีทำ
ปั่นเนื้อปลากับมันหมู จนกระทั่งเนียนเข้ากัน ใส่เนื้อกุ้งลงตีผสม แล้วใส่เครื่องปรุงทั้งหมดตีต่อจนเข้ากันอีกเครั้ง
ปั้นเป็นก้อนกลมแบนตามชอบ นำแท่งตะไคร้เสียบตรงกลาง นำไปนึ่งนสุก จากนั้นนำไปทอดอีกครั้งจนสุกเหลืองตามชอบ เสิร์ฟพร้อมผักสด เส้นหมี่ และผักดอง